รากฐานอิสลาม (2)

15
This entry is part 2 of 5 in the series รากฐานอิสลาม

รากฐานที่ 6 : สิ่งที่มีอยู่ทุกชนิดล้วนเป็นสิ่งถูกสร้างของอัลลอฮ์ (ซุบฮานะฮูวะตะอาลา)

“สิ่งที่มีอยู่”-ทุกสิ่งที่มิใช่อัลลอฮ์-เป็นสิ่งถูกสร้างของอัลลอฮ์ (ตะอาลา), การดำรงอยู่ของสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ต้องเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับอัลลอฮ์, ไม่มี “สิ่งดำรงอยู่” ใด ๆ ไม่ต้องพึ่งพิงองค์ผู้ทรงสัจจะ แม้สักวินาทีเดียว, ความหมายของคำกล่าวของเราที่ว่า “สิ่งที่มีอยู่เป็นสิ่งถูกสร้างของอัลลอฮ์” นั้น ก็คือ “สิ่งที่ดำรงอยู่” นั้นถูกสร้างโดยเจตนารมณ์ของอัลลอฮ์และพระประสงค์ของพระองค์, ความสัมพันธ์ของสิ่งนั้นกับอัลลอฮ์มิใช่เป็นไปในลักษณะบุตร (ผู้ถูกกำเนิด) และบิดา (ผู้ให้กำเนิด) แต่อย่างใด ดังนั้น ความเกี่ยวข้องระหว่าง “สิ่งที่ดำรงอยู่”กับอัลลอฮ์นั้น มิใช่เป็นความเกี่ยวข้องแบบ “การผลิต” และ “การให้กำเนิด”, พระองค์ ผู้ทรงมหาบริสุทธิ์ยิ่ง ตรัสว่า

لَمْ يَلِدْ وَلَمْ يُوْلَدْ

“ทรงไม่ให้กำเนิดและทรงไม่ถูกกำเนิด” (อัลอิคลาศ / 3)

รากฐานที่ 7 : ระบอบแห่งการดำรงอยู่ของทุกสรรพสิ่งที่มีอยู่ในเวลานี้ ไม่เป็นนิรันดร์

ระบอบที่เป็นอยู่ในเวลานี้ของสรรพสิ่งที่มีอยู่นั้นไม่เที่ยงแท้และไม่เป็นนิรันดร์, มันจะต้องถูกรื้อถอนและหมดอายุขัยหลังจากเวลาผ่านไป อัลลอฮ์เพียงพระองค์เดียวเท่านั้นที่ทรงรู้กำหนดนั้น, และจะมีระบอบอื่นเข้ามาแทนที่มัน มันก็คือโลกอื่นและที่ถูกเรียกว่า “มะอาด” (การคืนกลับ หรือโลกแห่งการคืนกลับ), ดังที่พระองค์ตรัสว่า

يَوْمَ تُبَدَّلُ الْأَرْضُ غَيْرَ الْأَرْضِ وَالسَّمَاوَاتُ  ۖ وَبَرَزُوا لِلَّـهِ الْوَاحِدِ الْقَهَّارِ ﴿ إبراهيم : ٤٨﴾

ในวันที่ซึ่งผืนแผ่นดินนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นผืนแผ่นดินอื่นและชั้นฟ้าทั้งหลาย (ก็เช่นกัน) พวกเขาจะปรากฏตัวเบื้องหน้าอัลลอฮ์ ผู้ทรงเป็นหนึ่งเดียว ผู้ทรงกำราบ. (อิบรอฮีม / 48)

الَّذِينَ إِذَا أَصَابَتْهُم مُّصِيبَةٌ قَالُوا إِنَّا لِلَّـهِ وَإِنَّا إِلَيْهِ رَاجِعُونَ ﴿ البقرة : ١٥٦﴾

(คือ) บรรดาผู้ซึ่งเมื่อความเศร้าโศกใดมาประสบกับพวกเขา พวกเขากล่าวว่า “อินนาลิ้ลลาฮ์ วะอินนาอิลัยฮิรอญิอูน”  (อัลบะเกาะเราะฮ์ / 156)

อันเป็นการชี้ให้เห็นถึงความเป็นจริงนี้

รากฐานที่ 8 : เหตุและผล

ระบอบแห่งการดำรงอยู่ของทุกสรรพสิ่งล้วนวางอยู่บนหลักการแห่งเหตุและผลทั้งสิ้น มันดำรงอยู่ระหว่างภายนอกกับแต่ละส่วนของมันอันเป็นความสัมพันธ์แบบเหตุและผล

ผลกระทบภายนอกของทุกสิ่งที่มีปรากฏอยู่กับสิ่งอื่นนั้นเป็นไปตามการอนุมัติแห่งพระเจ้าและพระประสงค์แห่งพระเจ้า, ด้วยกับการตรวจสอบความอุดมสมบูรณ์ (ที่พระองค์ทรงประทานมา) พระประสงค์แห่งพระเจ้าผู้ทรงปรีชาญาณ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องตามแนวทางของระบอบเหตุผล และผ่านสิ่งที่เป็นเหตุและสิ่งที่เป็นผล

เป็นที่ชัดเจนว่า ความเชื่อเรื่องผลกระทบภายนอกระหว่างกันและกันนั้น มิได้หมายความว่า เชื่อในเรื่องการเป็นผู้สร้างของมันเลย แต่จุดมุ่งหมายที่ว่านั้น ก็คือ เหตุและผลดังกล่าวครอบคลุม-ด้วยการอนุมัติของอัลลอฮ์และเป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์-ทุกความเป็นไปในโลกที่ทำให้สภาพภายนอกอื่นเป็นจริงขึ้นมา ผลกระทบทุกชนิดและสิ่งที่ได้รับผลกระทบทุกประเภทเป็นตัวสำแดงพระประสงค์ของอัลลออ์และเจตนารมณ์ทั้งปวงของพระองค์ให้ปรากฏขึ้น

อัลกุรอานอันจำเริญได้ชี้ให้เห็นเนื้อหาที่กล่าวมาทั้งสอง เราหมายความว่า สภาพภายนอกทางธรรมชาติต่างศิโรราบต่อกฎเกณฑ์อันสูงส่ง และเช่นกัน ผลกระทบของสาเหตุที่อยู่ในสิ่งที่มีอยู่ทุกประเภทนั้นเป็นไปตามการอนุมัติทั้งปวงแห่งพระเจ้า.

ในบริบทแรกนั้น เราขอกล่าวถึงโองการต่อไปนี้

… وَأَنزَلَ مِنَ السَّمَاءِ مَاءً فَأَخْرَجَ بِهِ مِنَ الثَّمَرَاتِ رِزْقًا لَّكُمْ … ﴿ البقرة : ٢٢﴾

… และทรงประทานน้ำให้ตกลงมาจากฟากฟ้า แล้วด้วยกับน้ำนั้นที่พระองค์ได้ทรงนำเอาผลผลิตทั้งหลายออกมา ให้เป็นปัจจัยยังชีพสำหรับพวกเจ้า … (อัลบะเกาะเราะฮ์ / 22)

ในบริบทที่สอง เราขอยกโองการต่อไปนี้ ก็น่าจะเพียงพอ

وَالْبَلَدُ الطَّيِّبُ يَخْرُجُ نَبَاتُهُ بِإِذْنِ رَبِّهِ  ۖ ﴿ الأعراف : ٥٨﴾

ผืนแผ่นดินที่ดีบริสุทธิ์นั้น พันธุ์ไม้ของผืนแผ่นดินนั้นก็จะผลิดอกออกผลมา โดยฉันทานุมัติของพระองค์ … (อัลอะอ์รอฟ / 58)

รากฐานที่ 9 : สิ่งที่มีอยู่ (ในโลก) ไม่ใช่สิ่งที่เป็นเนื้อเดียวกับธรรมชาติที่เป็นวัตถุทั้งหลาย

สิ่งที่มีอยู่ไม่ใช่สิ่งที่เป็นเนื้อเดียวกับธรรมชาติที่เป็นวัตถุทั้งหลาย กล่าวคือ มันไม่จำกัดอยู่ในธรรมชาติและขอบเขตของมัน แต่ทว่ามันมีความกว้างขวางกว่าวัตถุ และเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่อยู่ภายนอกขอบเขตนั้น ซึ่งอัลกุรอานให้คำจำกัดความว่า เป็น “โลกอันพ้นญาณวิสัย” ตรงข้ามกับ “โลกอันปรากฏ”

ดังที่ สภาพภายนอกทางวัตถุล้วนมีผลกระทบซึ่งกันและกัน ตามการอนุมัติของอัลลอฮ์นั้น, สิ่งที่มีอยู่อันพ้นญาณวิสัยก็มีผลกระทบในโลกธรรมชาติ ตามการอนุมัติแห่งพระเจ้า เช่นกัน.

อีกนัยหนึ่ง มันเป็นสื่อกลางสำหรับความจำเริญของพระเจ้า.

อัลกุรอานอันจำเริญได้กล่าวอิทธิพลของมะลาอิกะฮ์ของอัลลอฮ์และการเป็นสาเหตุของการเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ของธรรมชาติของโลกนี้ ดังนี้

فَالْمُدَبِّرَاتِ‭ ‬أَمْرًا‭ ‬﴿‭ ‬النازعات‭ : ‬٥﴾

และแล้วพวกเขาก็เป็นผู้บริหารกิจการงานนั้น. (อันนาซิอาต / 5)

وَهُوَ‭ ‬الْقَاهِرُ‭ ‬فَوْقَ‭ ‬عِبَادِهِ‭  ‬ۖ‭ ‬وَيُرْسِلُ‭ ‬عَلَيْكُمْ‭ ‬حَفَظَةً‭ … ‬﴿‭ ‬الأنعام‭ : ‬٦١﴾

พระองค์คือผู้ทรงมีชัยเหนือปวงบ่าวของพระองค์ และทรงส่งผู้พิทักษ์ (จากการถูกทำลายหรือภัยพิบัติ) ลงมายังพวกเจ้า … (อัลอันอาม / 61)

เราอาจหาบทสรุปจากโองการอันชัดเจนที่กล่าวมาว่า, โลกแห่งการสร้างสรรค์มี 2 ประเภท ธรรมชาติและโลกอันพ้นธรรมชาติ พร้อมกับการนำทางจากระบอบแห่งเหตุและผลที่ต่างก็ดำเนินไปตามพระประสงค์แห่งอัลลออ์ มหาบริสุทธิ์ยิ่ง และเกี่ยวข้องกับพระองค์ โดยไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ.

รากฐานที่ 10 : ทุกสรรพสิ่งล้วนอยู่ภายใต้การชี้นำทางเฉพาะของตน

สรรพสิ่งทั้งหลายเป็นความจริงหนึ่งซึ่งต่างยอมสยบต่อการชี้นำทางเฉพาะของตน, ทุกอณูของโลกนี้ต่างก็ได้รับรัศมีแห่งการนำทางตามที่ควรจะเป็น.

ดังที่กล่าวว่า ระดับขั้นของการชี้นำทางทั่วไปและครอบคลุมไปทั่วนั้น ประกอบไปด้วยการชี้นำทางตามธรรมชาติ สัณชาตญาณ และการชี้นำตามแบบแผนการสร้าง.

อัลกุรอานได้กล่าวถึงการชี้นำตามแบบแผนการสร้างและการชี้นำทางทั่วไปในหลายโองการด้วยกัน ซึ่งเราจะขอนำมากล่าวถึง ดังนี้.

قَالَ‭ ‬رَبُّنَا‭ ‬الَّذِي‭ ‬أَعْطَىٰ‭ ‬كُلَّ‭ ‬شَيْءٍ‭ ‬خَلْقَهُ‭ ‬ثُمَّ‭ ‬هَدَىٰ‭ ‬﴿طه‭ : ‬٥٠﴾

เขา-ศาสดามูซา-กล่าว (ตอบ) ว่า “พระผู้อภิบาลของเราคือผู้ซึ่งให้การบังเกิดทุกสรรพสิ่งจากนั้นก็ทรงนำทาง”. (ฏอฮา / 50)

Series Navigation<< รากฐานอิสลาม (1)รากฐานอิสลาม (3) >>